9 อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงสำหรับเด็กที่อายุต่ำกว่า 1 ปี
เมื่อลูกน้อยพร้อมที่จะหม่ำแล้ว อย่าเพิ่งนึกสนุกป้อนโน่นป้อนนี่ตามใจเรานะค่ะ เพราะในเด็กอายุต่ำกว่า 1 ขวบ ระบบการย่อยอาหารยังทำงานได้ไม่เต็มที่ อาหารบางส่วนที่ย่อยได้ไม่สมบูรณ์ จะถูกดูดซึมเข้าไปในกระแสเลือด และกระตุ้นให้เม็ดเลือดขาวต่อต้่าน จนเกิดอาการแพ้ขึ้นได้ โดยเฉพาะโปรตีนกลุ่มเสี่ยง ที่มักจะก่อให้เกิดการแพ้ คุณแม่ทั้งหลายต้องจำให้ขึ้นใจเลยนะค่ะ
1. น้ำผึ้ง ” อาจ “ ปนเปื้อนสปอร์ของเชื้อแบคทีเรีย ชื่อ Clostridium botulinum ซึ่งก่อให้เกิดโรค โบทูลิซึ่ม (botulism) อันตรายมากหากได้รับเชื้อเข้าสู่ร่างกาย ยิ่งอายุน้อย ยิ่งเสี่ยงต่อการเสียชีวิตมาก นอกจากนี้ น้ำผึ้งมีรสหวานจัด ซึ่งการเริ่มอาหารที่มีรสชาติหวานจากน้ำตาลชนิดต่างๆ ในเด็กเล็ก จะทำให้เด็กมีปัญหาติดรสชาติหวาน ฟันผุ เบื่อข้าวเบื่อผัก หรือ อาหารที่มีประโยชน์
2. ถั่ว โดยเฉพาะถั่วลิสง ที่มักก่อให้เกิดอาการแพ้รุนแรง หากคนในครอบครัวมีประวัติการแพ้ถั่วมาก่อน คุณแม่ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีส่วนผสมของถั่ว นอกจากระวังถั่วที่เป็นเม็ดแล้ว ต้องระมัดระวังผลิตภัณฑ์ที่มีถั่วเป็นส่วนผสมด้วย เช่น พีนัทบัตเตอร์ และเต้าหู้ถั่วเหลือง
3. อาหารทะเล เช่นปลาทู ปลาเก๋า ปลากระพง ปลาแซลมอน ควรให้ลูกเริ่มทานปลาน้ำจืดก่อนเมื่ออายุ 8 เดือน แต่ถ้าเป็นอาหารทะเลที่มีเปลือกเเข็ง เช่น กุ้ง หอย ปู เพราะสารในเปลือกมักก่อให้เกิดอาการแพ้ที่รุนแรง และหากลูกแพ้ควรงดเด็ดขาด เเละค่อยเริ่มใหม่อีกครั้งตอนประมาณ 3 ขวบ
4. นมวัว รวมถึง ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนมนม เช่น เนย ชีส โยเกิร์ต ครีม หรืออาหารกึ่งสำเร็จรูปที่มีเนยเป็นส่วนผสม
5. ธัญพืชที่มีโปรตีนกลูเต็น เช่น ข้าวสาลี ข้าวไรย์ ข้าวโอ๊ต และข้าวบาร์เลย์ หรือควรใช้วัตถุดิบแบบ Gliten-Free
6. เนื้อบด
7. ชีส
8. ไข่ขาว ลูกมักจะมีความเสี่ยงในการแพ้โปรตีนในไข่ขาวได้มากกว่าไข่แดง และไข่แดงที่ทำให้ลูกทานควรทำให้สุกทั่วทั้งฟอง
9. แป้งสาลี
เพราะลูกคือคนสำคัญของแม่ทุกคน ดังนั้นน้องไบร์ทจึงอยากให้คุณแม่จ๋านำไปปรับใช้กับลูกๆอย่างสมเหตุสมผลนะค่ะ เพราะบางตำราอาจจะบอกว่าอาหารชนิดนี้ทานได้แล้ว ทั้งนี้และทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับความพร้อมของลูกและวิจารณญาณของคุณแม่เป็นสำคัญค่ะ ย้ำ!! คำเดียวค่ะ “ว่าไม่ต้องรีบ ค่อยเป็นและค่อยไป” เพราะน้องยังมีเวลาทานอาหารดังกล่าวไปอีกทั้งชีวิต จะเริ่มช้าไปนิดก็ไม่มีอะไรเสียหายค่ะ แต่ถ้าลูกเกิดแพ้ขึ้นมาแล้ว ทีนี้ล่ะ คนที่จะปวดหัวก็คือคุณแม่นะเจ้าค่ะ